1 รู้หรือไม่! ที่มาของชื่อจอมโจรไวเปอร์?! 12/8/2011, 19:44
♫MOA♪
พลทหาร ทามามะ
ไวเปอร์บัวร์ (Viper Boa)
ไวเปอร์บัวร์ (Viper Boa) หรือนิวกินีกราวบัวร์ (New Guinea Ground Boa)มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Candoia Aspera อยู่ในวงศ์ Candoia ซึ่งเป็นวงศ์เดียว
กับ งูนิวกินีทรีบัวร์ (New Guinea Tree Boa)
ไวเปอร์บัวร์มีรูปร่างสั้นและอ้วน พบอาศัยอยู่ที่ปาปัวนิวกินี และเกาะนอก
ฝั่งของอินโดนิเซีย มีสีโทนสีที่หลากหลายจากสีดำสนิทถึงสีน้ำตาล สีทอง สี
เทา สีเหลือง และสีส้ม และมีลวดลายแบบที่เป็นจุดแต้มและเป็นลายยาว ไว
เปอร์บัวร์มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับงูเดทแอทเดอร์ (Death Adders)มาก จึงถูก
ฆ่าตายบ่อยเพราะเข้าใจผิด ซึ่งพบอาศัยอยู่ในดิบชื้น โดยปกติจะซ่อนตัวอยู่
ใต้กองใบไม้เพื่อดักซุ่มรอเหยื่อ บางครั้งก็นิ่งแต่บางครั้งก็จะดุร้าย เป็น
งูที่หากินกลางคืน โตเต็มที่มีขนาดประมาณ 20 - 28นิ้ว
การเลี้ยงดู
เรื่องอุณหภูมิ - เหมือนงูอื่นที่อุณหภูมิมีความสำคัญในการดำรงชีวิต งูนั้น
จะอาศัยอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 78 – 82 องศาฟาเรนไฮด์(27 – 30 องศาเซลเซียส
) และในฤดูหนาวสามารถอยู่ได้ในอุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮด์ เป็นงูที่ไม่ชอบ
ความร้อน และชอบความชื้นประมาณ 50 – 70 %
สถานที่เลี้ยง - จะต้องทำความสะอาดง่ายเพื่อไม่ให้สกปรกเพราะเป็นแหล่งเพาะ
เชื้อโรค ซึ่งอาจนำโรคมาสู่งูได้ และควรมีอ่างน้ำให้ไว้ไห้งูลงไปแช่เพราะ
ว่างูชอบแช่น้ำมาก และควรจะมีที่ซ่อน (hide boxes) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของงู
ทุกสายพันธุ์ สามารถเลี้ยงในตู้ปลาที่มีฝาปิดด้านบนที่แข็งแรง หรือใช้อย่าง
อื่นก็ได้เช่นกล่องพลาสติก หรือกล่องอะคิลิค ส่วนวัสดุรองพื้นก็สามารถใช้
หนังสือพิมพ์ปูรองได้เพราะง่ายแก่การทำความสะอาด
อาหารการกิน - เป็นงูที่กินง่ายและประหยัดค่าใช่จ่ายในส่วนนี้เพราะว่าเป็น
งูที่กินอาหารไม่บ่อยเนื่องจากมีระบบย่อยอาหารที่ช้า ในขนาดเล็กให้อาหารได้
ทุกๆ 10 – 14 วัน และเมื่อโตเต็มที่ สามรถอดอาหารได้ครั้ง 2 – 3 อาทิตย์เลย
ที่เดียว และในธรรมชาตงูนั้นกินกบและจิ้งจกหรือกิ่งก่าเล็กๆเป็นอาหาร ในที่
เลี้ยงสามรถให้กินหนู mice และหนู rats ตัวเล็กๆได้ และในงูขนาดเล็กสามรถ
ให้กินหนูแดงได้ด้วย
เพศและการเพาะพันธุ์
การดูเพศงูนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก โดยไม่จำเป็นต้องโพรบหรือป๊อบ
ปิ้ง เพียงแค่พลิกงูกลับ ในงูตัวผู้จะมีเดือยอยู่บริเวณข้างๆทวารหนัก ส่วน
ในตัวเมียจะไม่มี (แต่ผมคิดว่าทำการโพรบน่าจะชัวร์ที่สุดครับ) ส่วนในเรื่อง
การเพาะพันธุ์นั้นจะต้องใช้งูตัวผู้ 2 ตัวต่องูตัวเมีย 1 ตัวงูจะขยายพันธุ์
ช่วงเดือนธันวาคม – เมษายน และลูกงูจะเกิดประมาณเดือนกันยายน – มกราคม งู
ที่พร้อมผสมพันธุ์ควรมีอายุ 2 – 3 ปีขึ้นไป และเพื่อให้การเพาะพันธุ์ที่ดี
ที่สุด งูควรได้รับอากาศที่เย็นประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ประมาณ 60 องศา
ฟาเรนไฮด์ในตอนกลางคืน และอุณหภูมิปกติในเวลากลางวันในช่วงผสมพันธุ์ และควร
ใช้งูตัวผู้และตัวเมียหลายๆตัวเพื่อให้เป็นการแน่ใจว่างูจะผสมพันธุ์กัน
ที่มา: http://www.siamreptile.com/webboard/webboard_show.php?id=19907